Tuesday, December 25, 2007

ความผูกพันธ์ทางจิต


ความผูกพันธ์ทางจิตของคุณ> >> >

แบบทดสอบพลังจิตชิ้นนี้แปลและเรียบเรียงใหม่ มาจากอเมริกา > >ให้เพื่อนๆลองทดสอบพลังจิตของตัวเองกันดูนะ> >> >

1.มีปาท่องโก๋1คู่ ปาท่องโก๋คุ่นี้วางอยู่ที่ไหน?

a.ร้ายขายกาแฟ>b.โรงอาหารโรงเรียน >c.บ้าน >d.โรงแรม

2.มีตะเกียบ1คู่ ตะเกียบคู่นี้กำลังถูกใช้คีบอะไร?

a.ลูกชิ้น >b.ผัก >c.ปลาทอด >d.เส้นก๋วยเตี๋ยว

3.ใครกำลังกินขนมครก?

>a.นักเรียน >b.แม่บ้าน >c.นักธุรกิจ >d.ศิลปิน

4.มีช้อนส้อม1คู่ ใครในครอบครัวคือเจ้าของช้อนส้อมคู่นี้?

>a.ลูกชาย >b.ลูกสาว >c.พ่อ >d.แม่

>5.คุณซื้อรองเท้ามา1คู่ รองเท้าคู่นี้ถูกซื้อมาจากที่ไหน?

a.ตลาดนัด >b.ริมทางเท้า >c.ร้ายขายรองเท้าโดยตรง >d.ห้างสรรสินค้า

>6.นักเรียนกำลังใช้ยางลบลบรอยดินสอที่เขียนในสมุดวิชาใด?

a.คณิตศาสตร์> >b.ภาษาไทย> >c.สังคมศึกษา> >d.ศิลปศึกษา> >> >7.มีสามี-ภรรยา1คู่ สามี-ภรรยาคู่นี้แต่งงานกันมาแล้วกี่ปี?> >> >a.15 ปี>b.18 ปี >c.22 ปี >d.25 ปี

>8.นกที่กำลังโผบินในท้องฟ้า กำลังบินไปทิศใด?

>a.เหนือ >b.ใต้ >c.ตะวันออก >d.ตะวันตก

>สรุปคะแนน> >ข้อ1 a=10/b=5/c=1/ d=0

> >ข้อ2 a=10/b=1/c=5/ d=5

> >ข้อ3a=5/b=5/c=1/ d=10

> >ข้อ4 a=10/b=5/c=5/ d=1

> >ข้อ5 a=5/b=5/c=1/ d=10

> >ข้อ6 a=0/b=5/c=10/ d=5

> >ข้อ7 a=1/b=1/c=10/ d=5

> >ข้อ8 a=5/b=5/c=10/ d=1

การแบ่งกลุ่ม> >

60-80 คะแนน = กลุ่ม A

45-59 คะแนน = กลุ่ม B

20-44 คะแนน = กลุ่ม C

19 หรือต่ำกว่า = กลุ่ม D

>มาดูกันดีกว่าว่า เพื่อนๆอยู่กลุ่มไหนกันบ้าง>

กลุ่ม A> >พลังจิตที่ทำให้คุณผูกพันกับคนง่ายแต่ไม่นาน...> >พลังจิตที่มีอยู่ในตัวคุณช่วยเสริมให้คุณเป็นคนที่ช่างผูกพันกับผู้คนได้ง่ายเสียเหลือเกิน > >แค่รู้จักพูดคุย > >คลุกคลีใกล้ชิดแม้เวลาจะไม่นานนักคุณก้อจะรู้สึกคุ้นเคยผูกพันกับคนๆนั้น> >อยากเป็นเพื่อนที่สนิมมากกว่านี้รู้สึกดีงามกับเขา > >ทั้งๆที่เขาอาจรู้สึกเฉยๆกับคุณแต่ความผูกพันที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้กลับไม่อยู่นานนักคุณก้อลืมความผูกพันนั้นไปซึ่งไม่ใช่นิสัยที่ไม่ดีแต่อย่างใดเพราะเท่ากับว่ามันช่วยทำให้คุณไม่ต้องรู้สึกผูกพันกับคนที่ไม่จริงใจกับคุณ> >> >> >

กลุ่ม B> >พลังจิตดึงดูดให้คนผูกพันกับคุณ > >พลังจิตที่มีอยู่ในตัวคุณช่วยดึงดูดคนให้เกิดความผูกพันกับคุณจนคุณรู้สึกแปลกใจอยู่บ่อยๆแม้ว่าคุณจะรู้จักกับคนนั้นๆไม่นานเขาก้อจะแสดงให้เห็นถึงความผูกพันที่มีต่อคุณโดยคุณอาจจะยังไม่รู้สึกผูกพันอะไรมากนัก > >รวมไปถึงเพื่อนใกล้ตัวหรือคนรักที่เมื่อคบกันเขาก้อจะมีความผูกพันกับคุณซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของคุณเลยทีเดียวที่ใครๆก้อมอบความรู้สึกดีๆที่เรียกว่า > >"ความผูกพัน" นั้นให้คุณ> >> >> >

กลุ่ม C> >พลังจิตทำให้คุณผูกพันกับคนนานพลังจิตที่มีอยู่ในตัวคุณช่วยเสริมให้เมื่อคุณผูกพันกับใครแล้วก็จะมีความผูกพันที่ยาวนาน > >ไม่ว่าจะเป็นความผูกพันของเพื่อนเช่นแม้จะเป็นเพื่อนเก่าที่จากกันแต่คุณก้อยังรู้สึกผูกพันจะติดต่อเพื่อสานความสัมพันธ์นั้นไว้ไม่ให้จางหาย > >หรือแม้จะเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี แต่คุณก้อรำลึกถึงเขาเสมอ > >หากคุณกลับมาเจอกันความผูกพันนั้นก้อไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม> >> >> >

กลุ่ม D> >พลังจิตทำให้คุณผูกพันกับคนยาก > >พลังจิตที่มีอยู่ในตัวคุณทำให้คุณไม่ค่อยจะรู้สึกผูกพันกับใครๆง่ายนักแต่ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ผูกพันกับใครเลยหากว่าระยะเวลาในการคบกันยาวนานและได้ทำกิจกรรมหลายอย่างและมีประสบการณ์ร่วมกันคุณก้อจะผูกพันกับเขาได้ > >และคุณก้อเลือกที่จะผูกพันมากเฉพาะกับบางคนเช่นถ้าเพื่อนในกลุ่มมี 6 คน > >คุณอาจจะสนิทกับทุกคนก้อจริงแต่คุณจะผูกพันเป็นพิเศษกับเพื่อนบางคนเท่านั้น > >ใครที่คุณผูกพันด้วยจึงถือว่าโชคดีเหลือเกิน........

Tuesday, December 18, 2007

ความแตกต่างระหว่างน้ำกับน้ำโค้ก


Water & Coke น้ำ กับ โค้ก ถ้าท่านรู้เรื่องนี้ ท่านจะดื่มน้ำมากขึ้น เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย 75% มีงานวิจัยพบว่าในคน 100 คน ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คนลดอาการปวดหลังปวดข้อลงได้ ดื่มน้ำวันละ 5 แก้วลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ถึง 45 % มะเร็งเต้านมได้ 79% และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50% ทีนี้มาลองรู้จักน้ำ "โค้ก" กันหน่อย แน่นอนโค้กรสชาดยอดเยี่ยม แต่ตำรวจทางหลวงจะบรรทุกโค้ก 2 แกลลอนในช่องท้ายรถเพื่อเวลามีรถชนกันสามารถเอา 'น้ำโค้ก' ล้างเลือดบนถนนได้เกลี้ยงเกลา ุ ถ้าเอา T-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำโค้กเต็ม จะพบว่าจะถูกละลายไปหมดใน2 วัน ุ รินโค้ก 1 กระป๋องลงในโถส้วมทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วชักโครกกรดซิตริกในโค้กจะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมี่ยมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำด้วย foil ชุบโค้ก ขัดสนิมจะออกหมด ุ ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรดเกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำโค้ก ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด ถ้าจุดขวดติดแน่น งัดไม่ออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที จะบิดจุดขวดออกได้โดยง่าย ุ ถ้าจะปิ้ง moist ham ให้เทโค้ก 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ ห่อแฮมด้วยอะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที ุ ก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก ปล่อยให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำโค้กในกระทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำโค้ก 1 กระป๋อง ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซัก ุ ปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ โค้กจะช่วยกำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด ุ ท่านสามารถผสมโค้ก ลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริคแอซิดในโค้ก จะช่วยทำความสะอาดกระจกได้ดี ุ น้ำโค้กมี pH 2.8 ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด ุ เวลาขนย้ายน้ำโค้กเข้มข้นเพื่อส่งตามโรงงานทั่วโลก ที่รถ truck จะต้องติดป้ายไว้ว่า "มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็นอันตราย" ุ บริษัทขายน้ำโค้ก ใช้น้ำโค้กทำความสะอาดเครื่องยนต์ของรถ truck มานานประมาณ 20 ปีแล้ว ท่านยังอยากดื่ม โค้ก หรือดื่มน้ำกัน เลือกเอาเอง แปลโดย ศ.กิตติคุณ นพ.เสก อักษรานุเคราะห์ หน่วยงาน : ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู วันที่ลงบทความ 21 เม.ย.45 ช่วยกัน FWD บทความนี้ต่อให้คนที่คุณรักและห่วงใยด้วย

Wednesday, November 28, 2007

สุดยอดรถ

“บูกัตติ เวย์รอน” (Bugatti Veyron) ซูเปอร์คาร์ที่เมื่อปีที่ผ่านมาได้ชื่อว่า เป็นสปอร์ตโปรดักชั่นคาร์ที่เร็วที่สุด แรงที่สุด และแพงที่สุดในโลก!!
ด้วยสถิติความเร็ว 20 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 420.25 กิโลเมตร/ชั่วโมง รีดกำลังออกมาได้ 1,001 แรงม้า และมีราคาสูงถึง 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เพียงแต่มาเมื่อไม่นานเพิ่งถูกคู่แข่ง “ลัมโบกินี เรเวนตัน” เบียดแซงไปในเรื่องของเฉพาะราคาแล้ว ที่ระดับ 1 ล้านยูโร อย่างไรก็ตามสำหรับเมืองไทย การที่บูกัตติ เวย์รอน ได้มาเผยโฉมและเปิดให้เศรษฐีโคตะระกระเป๋าหนักได้จับจองเป็นเจ้าของ ถือเป็นสิ่งที่ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ในเมืองไทย จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ยกให้เป็นสุดยอดของรถที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยขณะนี้

บูกัตติ เวย์รอน ที่ค่ายเอส.อี.ซี.กรุ๊ปนำมาเผยโฉมครั้งแรก และเปิดให้ผู้สนใจจับจองเป็นเจ้าของในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2007 นี้ เคาะราคาออกมาสำหรับจำหน่ายในเมืองไทย ตกอยู่ที่คันละ 165 ล้านบาท!!! นับเป็นรถยนต์แพงที่สุดในเมืองไทย เพราะเมื่อหลายปีก่อนคนไทยได้มีโอกาสสัมผัสสุดยอดรถหรู “มายบัค” ราคาสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาทนิดๆ ซึ่งขณะนั้นถือว่าสูงสุดในเมืองไทยแล้ว แต่เมื่อมาเจอราคาของเจ้า บูกัตติ เวย์รอน ย่อมถูกเขี่ยตกบัลลังก์รถที่แพงที่สุดไป


ภายในห้องโดยสารที่โอ่โถง และมีการตัดเย็บอย่างประณีตชนิดที่หายากมากในกลุ่มของผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ ขณะที่เครื่องยนต์แบบ ดับเบิลยู16 สูบ ขนาด 8,000 ซีซี และใช้เทอร์โบถึง 4 ตัวในการรีดกำลังออกมาได้ 1,001 แรงม้า (หรือ 987 แรงม้าสำหรับสเปกอเมริกา) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 127.3 กก.-ม. ที่ 2,200-5,500 รอบ/นาที สู่การขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อด้วยเกียร์แบบดีเอสจี เป็นเกียร์ธรรมดาแบบใช้คลัตช์ไฟฟ้า 7 จังหวะรุ่นใหม่ที่พัฒนามาเพื่อบูกัตตี้โดยเฉพาะ
ไม่ใช่แค่ตัวเลขแรงม้าและแรงบิดเท่านั้นที่น่าทึ่ง สมรรถนะที่ได้จากซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ไม่ธรรมดา จาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 2.5 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 402.25 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่นั่นก็ยังไม่น่าทึ่งเท่ากับยางรุ่นพิเศษ ที่ผลิตมาเพื่อเวย์รอนโดยเฉพาะ สำหรับรองรับกับสมรรถนะที่เกิน 400 กิโลเมตร และมีเทคโนโลยี Pax System ติดมาให้ด้วย (ยังสามารถแล่นได้แม้ยางแบน) ด้านหน้ามีขนาด 245/690R520 และด้านหลังขนาด 335/710R540 ซึ่งปกติแล้วยางที่มีอยู่ในตลาดระดับความเร็วสูงสุดที่รองรับได้ไม่เกิน 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระบบช่วงล่างเป็นแบบปีกนก 2 ชั้น และใช้ระบบควบคุมการทำงานด้วยอิเล็กทรอนิกส์ โดยเมื่อความเร็วสูงกว่า 135 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 217 กิโลเมตร/ชั่วโมง (หรือว่าผู้ขับขี่กดปุ่มเลือกเองผ่านทางแผงคอนโซลกลาง) ความสูงจะลดลงโดยด้านหน้าจะมีพื้นที่ว่างใต้ท้องรถ 3.14 นิ้ว และด้านหลัง 3.7 นิ้ว เพื่อเพิ่มการทรงตัว โดยที่สปอยเลอร์หลังจะปรับระดับมุมองศาเองโดยอัตโนมัติระหว่าง 6-26 องศาเพื่อสร้างแรงกดที่ด้านท้ายในการทำให้ตัวรถนิ่งเมื่ออยู่ในช่วงความเร็วสูง




Friday, November 23, 2007

เรื่องเล่าบนธนบัตรใบละ ๒๐ บาท

เรื่องเล่าบนธนบัตรใบละ ๒๐ บาท(คัดมาอีกที)

ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยให้ความสนใจ รายละเอียดบนธนบัตรเลย อย่างมากก็แค่ดูว่าเป็นของจริงหรือเปล่า หรือใครเป็นผู้ว่าธนาคารที่ลงชื่อด้านหลังเท่านั้นเองแต่มาวันหนึ่ง ได้อ่านหนังสือเรื่อง "ก่อนเสด็จลับเลือนหาย" ของ มรว. กิติวัฒนา (ไชยยันต์) ปกมนตรี ถึงได้มาถึงบางอ้อ และความรู้สึกเรียกร้องให้ถ่ายทอดเรื่องราวนั้นไปสู่ชาวไทยทุกคนให้จงได้
ในภาพ เป็นภาพเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนพสกนิกร ของพระมหากษัตริย์ผู้มีคุณูปการต่อประเทศไทยอย่างหาที่สุดมิได้ ๒ พระองค์ คือรัชกาลที่ ๘ และ รัชกาลที่ ๙ (ขณะนั้น ดำรงพระยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ) เรื่องราวมีอยู่ว่า ประเทศไทยเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ นั้น ได้เกิดความบาดหมางระหว่างชาวจีนที่อาศัยในแถบสำเพ็ง กับชาวไทยโดยทั่วไป เพราะขณะนั้นประเทศจีนได้กลายเป็นประเทศมหาอำนาจ เป็นผลให้ชาวจีนบางหมู่เหล่าเกิดความรู้สึกฮึกเหิมและได้รวมตัวเพื่อเรียกร้องสิทธิบางประการจากรัฐบาล จนนำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างชนชาติด้วยเหตุดังนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล จึงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนชาวจีนในแถบสำเพ็ง พร้อมด้วยสมเด็จพระอนุชาธิราช ในวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๔๘๙ การเสร็จในครั้งนั้น ยังความปลื้มปีติแก่พสกนิกรชาวจีนเป็นอย่างยิ่ง และด้วยพระบารมีปกเกล้า ความขัดแย้งในครั้งนั้นจึงได้ยุติลงและนั่นอาจนับได้ว่า เป็นพระกรณียกิจที่สำคัญยิ่งในรัชสมัยของพระองค์ ก่อนที่จะทรงสวรรคตในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ เพียง ๔ สัปดาห์หลังการเสด็จครั้งนั้นดิฉันจึงใคร่ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยทุกท่าน ร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และโปรดน้อมนำพระราชดำรัสต่อไปนี้ไปปฏิบัติ ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทย คงความเป็นไท ตราบนานเท่านาน

Tuesday, November 13, 2007

นาฬิกาชีวิต


"นาฬิกาชีวิต
การไหลเวียนของพลังชีวิตที่ผ่านแต่ละอวัยวะนั้นจะใช้เวลาสองชั่วโมง ทั้งหมดมี 12 อวัยวะ รวม 24 ชั่วโมง คือ หนึ่งวัน เรียกว่า “นาฬิกาชีวิต
1. 01.00 – 03.00 น. เป็นช่วงเวลาของตับ ควรนอนหลับพักผ่อนถ้าใครนอนหลับได้ดีในช่วงเวลานี้ ตับจะหลั่งสารมีราโทนิน (meratonine) เพื่อฆ่าเชื้อโรค ทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย
2. 03.00 – 05.00 น. เป็นช่วงเวลาของปอด จึงควรตื่นนอนลุกขึ้นเพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์และรับแสงแดดในยามเช้า ผู้ที่ตื่นนอนช่วงนี้จะทำให้ปอดดี ผิวดีขึ้น และจะเป็นคนที่มีอำนาจในตัว
3. 05.00 – 07.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่ ควรขับถ่ายอุจจาระทำให้เป็นนิสัยทุกเช้า
4. 07.00 – 09.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร ถ้ากินอาหารในช่วงนี้กระเพาะจะแข็งแรง ถ้าปล่อยให้อ่อนแอจะส่งผลให้เป็นคนตัดสินใจช้า ขี้กังวล และหน้าแก่เร็วด้วย
5. 09.00 – 11.00 น. เป็นช่วงเวลาของม้าม มีหน้าที่ควบคุมเม็ดเลือด สร้างน้ำเหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ปวดศีรษะบ่อยมักมาจากความผิดปกติของม้าม
6. 11.00 – 13.00 น. เป็นช่วงเวลาของหัวใจ หัวใจทำงานหนักในช่วงเวลานี้ จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียด และหาทางระงับอารมณ์ตื่นเต้นหรือตกใจให้ได้
7. 13.00 – 15.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้เล็ก ลำไส้เล็กมีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารที่เป็นน้ำทุกชนิด เช่น วิตามินซี บี โปรตีนเพื่อสร้างกรดอะมิโน สร้างเซลล์สมอง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
8. 15.00 – 17.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะจะเกี่ยวข้องกับระบบความจำ ไทรอยด์ และระบบเพศทั้งหมด
9. 17.00 – 19.00 น. เป็นช่วงเวลาของไต จึงควรทำใจให้สดชื่น ผู้ใดมีอาการง่วงช่วงนี้ แสดงว่ามีปัญหาเรื่องไตเสื่อม ถ้านอนหลับแล้วเพ้อแสดงว่าอาการหนักมาก
10. 19.00 – 21.00 น. เป็นช่วงเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ ช่วงนี้ควรจะสวดมนต์ ทำสมาธิ
11. 21.00 - 23.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น จึงห้ามอาบน้ำเย็นในช่วงนี้ เพราะจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย อย่าตากลมเพราะเป็นช่วงเวลาที่ลมเป็นพิษ
12. 23.00 – 01.00 น. เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี อวัยวะใดเมื่อขาดน้ำจะมาดึงน้ำจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น เป็นผลให้อารมณ์ฉุนเฉียว สายตาเสื่อม นอนไม่หลับ และจะปวดศีรษะข้างเดียว ทางแก้คือ อย่าใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ ไนล่อน ชุดนอนที่ทำจากใยสังเคราะห์จะไปดูดน้ำในร่างกาย ควรสวมชุดผ้าฝ้ายดีที่สุด
************************

Wednesday, November 7, 2007

สมการที่ลงตัว(ของโลก)


ROMANCE MATHEMATICS:
Smart man + Smart woman = romance

ผู้ชายเท่ห์ + ผู้หญิงเก่ง = ความโรแมนติก

Smart man + Dumb woman = affair

ผู้ชายเก่ง + ผู้หญิงโง่ = ความใคร่

Dumb man + Smart woman = marriage

ผู้ชายโง่ + ผู้หญิงเก่ง = การแต่งงาน

Dumb man + Dumb woman = pregnancy

ผู้ชายโง่ + ผู้หญิงโง่ = ตั้งครรภ์

**************************************************

OFFICE ARITHMETIC:

Smart boss + Smart employee = profit

เจ้านายเก่ง + ลูกน้องเก่ง = กำไร

Smart boss + Dumb employee = production

เจ้านายเก่ง + ลูกน้องโง่ = ผลผลิต

Dumb boss + Smart employee = promotion

เจ้านายโง่ + ลูกน้องเก่ง = เลื่อนตำแหน่ง

Dumb boss + Dumb employee = overtime

เจ้านายโง่ + ลูกน้องโง่ = OT อย่างเดียว

**************************************************

SHOPPING MATHS:

A man will pay $2 for a $1 item he needs.

ผู้ชายจ่าย 2 บาท ต่อสิ่งของ 1 ชิ้นที่เขาต้องการ

A woman will pay $1 for a $2 item that she doesn't need.

แต่ผู้หญิงจ่าย 1 บาท ต่อสิ่งของหลายๆ ชิ้นที่เธอไม่ต้องการ

************************************************** GENERAL EQUATIONS & STATISTICS: A woman worries about the future until she gets a husband.

ผู้หญิงจะกังวลเกี่ยวกับอนาคตจนกว่าจะมีสามี

A man never worries about the future until he gets a wife.

แต่ผู้ชายไม่เคยกังวลเลยเกี่ยวกับอนาคตเลยจนกระทั่งมีภรรยา A successful man is one who makes more money than his wife can spend.

ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่สามารถหาเงินได้มากกว่าที่ภรรยาใช้

A successful woman is one who can find such a man.

แต่ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่สามารถหาสามีได้อย่างคนข้างบน **************************************************

HAPPINESS:

To be happy with a man, you must understand him a lot and love him a little.

การจะมีความสุขกับผู้ชายคนหนึ่ง คุณจะต้องเข้าใจเขามากๆ แต่รักเขาน้อยๆ To be happy with a woman, you must love her a lot and not try to understand her at all.

การจะมีความสุขกับผู้หญิงคนหนึ่ง คุณต้องรักเธอมากๆ และไม่ต้องพยายามอะไรในตัวเธอทั้งสิ้น **************************************************

LONGEVITY: Married men live longer than single men do, but married men are a lot more willing to die.

ผู้ชายที่แต่งงานแล้วจะมีอายุยืนกว่าชายโสด แต่ชายที่แต่งงานแล้วกลับเต็มใจเลือกที่จะตายมากกว่าอยู่ **************************************************

PROPENSITY TO CHANGE:

A woman marries a man expecting he will change, but he doesn't.

ผู้หญิงแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งและหวังว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่เขาาไม่เคยเปลี่ยน A man marries a woman expecting that she won't change, and she does.

ส่วนผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงและหวังว่าเธอคงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เธอก็เปลี่ยน **************************************************

DISCUSSION TECHNIQUE:

A woman has the last word in any argument.

ผู้หญิงมักมีคำพูดสุดท้ายในการโต้เถียงกัน

Anything a man says after that is the beginning of a new argument.

แต่อะไรก็ตามที่ผู้ชายพูดออกมาต่อจากนั้นจะเป็นการเริ่มการโต้เถียงครั้งใหม่

Tuesday, November 6, 2007

นิดๆหน่อยๆ

อิอิตอนนนี้ได้ของเล่นใหม่กำลังหัดเล่นมีไรเจ๋งๆจาแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ อิอิ