Wednesday, December 24, 2008

เป็นมนุษย์ หรือเป็นคน

เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง
เหมือน หนึ่งยูง มีดี ที่แววชน
เข้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน
ย่อมเสียที่ ที่ตน ได้เกิดมา
ใจสอาด ใจสว่าง ใจสงบ
ถ้ามีครบ ควรเรียก มนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูก ทุกเวลา
เปรมปรีดา คืนวัน ศุกสันติ์จริง
ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า
ใครมีเข้า ควรเรียก ว่าผีสิง
เพราะพูดผิด ทำผิด จิตประวิง
แต่ในสิ่ง นำตัวกลั้วอบาย
คิดดูเถิด ถ้าใคร ไม่อยากตก
จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย
ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย
ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือนเอยฯ

พุทธทาส ภิกขุ

Tuesday, September 16, 2008

ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง
มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม 1 มื้อ เท่ากันมหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากันมหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกันมหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน

Thursday, March 20, 2008

คน 1 คน



คน 1 คน การที่เราจะคบหาหรือรู้จักใครสักคน

ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ควรท่อง ควรจำไว้อยู่เสมอก็คือ

"คน " เป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีทั้งด้านบวก และด้านลบ อยู่ในนั้น

อย่าตั้งใจกับคน 1 คนมากเกินไป เพราะไม่มีใครอยากเป็นต้นเหตุของความล้มเหลว

อย่าคาดหวังกับ คน 1 คนมากเกินไป เพราะไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่าง ที่ทุกคนอยากให้เป็น

อย่าให้เวลากับคน 1 คนมากเกินไป เพราะไม่ว่าใครก็อยากมีช่วงเวลาของความเป็นส่วนตัว. . . คนเดียว ....

อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคน 1 คนมากเกินไป เพราะนั่นจะทำให้เค้าไม่หลงเหลือความเป็นตัวของตัวเอง

อย่าควบคุมชีวิตคน 1 คนมากเกินไป เพราะมนุษย์มักจะหาวิธีการแทรกตัว เพื่อออกมาจากกฎที่ถูกกำหนด

อย่าบีบบังคับคน 1 คนมากไปกว่านี้ เพราะถ้าคนๆนั้น หลุดจากภาวะบีบบังคับมาได้ คุณจะกลายเป็นคนที่ถูกหันหลังให้ในทันที

เธอ. . . ลองมองดูฉันดีๆ ฉันมีลมหายใจ ไม่ใช่ภาพวาด ที่จะสวยงามอยู่ตลอดเวลา

ฉันเองก็เป็น "คน" เป็นสิ่งมีชีวิตที่มี 2ด้าน. . . เช่นกัน ...

อยากรู้จักใครสักคน ต้องหัดเรียนรู้ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลง...

Tuesday, December 25, 2007

ความผูกพันธ์ทางจิต


ความผูกพันธ์ทางจิตของคุณ> >> >

แบบทดสอบพลังจิตชิ้นนี้แปลและเรียบเรียงใหม่ มาจากอเมริกา > >ให้เพื่อนๆลองทดสอบพลังจิตของตัวเองกันดูนะ> >> >

1.มีปาท่องโก๋1คู่ ปาท่องโก๋คุ่นี้วางอยู่ที่ไหน?

a.ร้ายขายกาแฟ>b.โรงอาหารโรงเรียน >c.บ้าน >d.โรงแรม

2.มีตะเกียบ1คู่ ตะเกียบคู่นี้กำลังถูกใช้คีบอะไร?

a.ลูกชิ้น >b.ผัก >c.ปลาทอด >d.เส้นก๋วยเตี๋ยว

3.ใครกำลังกินขนมครก?

>a.นักเรียน >b.แม่บ้าน >c.นักธุรกิจ >d.ศิลปิน

4.มีช้อนส้อม1คู่ ใครในครอบครัวคือเจ้าของช้อนส้อมคู่นี้?

>a.ลูกชาย >b.ลูกสาว >c.พ่อ >d.แม่

>5.คุณซื้อรองเท้ามา1คู่ รองเท้าคู่นี้ถูกซื้อมาจากที่ไหน?

a.ตลาดนัด >b.ริมทางเท้า >c.ร้ายขายรองเท้าโดยตรง >d.ห้างสรรสินค้า

>6.นักเรียนกำลังใช้ยางลบลบรอยดินสอที่เขียนในสมุดวิชาใด?

a.คณิตศาสตร์> >b.ภาษาไทย> >c.สังคมศึกษา> >d.ศิลปศึกษา> >> >7.มีสามี-ภรรยา1คู่ สามี-ภรรยาคู่นี้แต่งงานกันมาแล้วกี่ปี?> >> >a.15 ปี>b.18 ปี >c.22 ปี >d.25 ปี

>8.นกที่กำลังโผบินในท้องฟ้า กำลังบินไปทิศใด?

>a.เหนือ >b.ใต้ >c.ตะวันออก >d.ตะวันตก

>สรุปคะแนน> >ข้อ1 a=10/b=5/c=1/ d=0

> >ข้อ2 a=10/b=1/c=5/ d=5

> >ข้อ3a=5/b=5/c=1/ d=10

> >ข้อ4 a=10/b=5/c=5/ d=1

> >ข้อ5 a=5/b=5/c=1/ d=10

> >ข้อ6 a=0/b=5/c=10/ d=5

> >ข้อ7 a=1/b=1/c=10/ d=5

> >ข้อ8 a=5/b=5/c=10/ d=1

การแบ่งกลุ่ม> >

60-80 คะแนน = กลุ่ม A

45-59 คะแนน = กลุ่ม B

20-44 คะแนน = กลุ่ม C

19 หรือต่ำกว่า = กลุ่ม D

>มาดูกันดีกว่าว่า เพื่อนๆอยู่กลุ่มไหนกันบ้าง>

กลุ่ม A> >พลังจิตที่ทำให้คุณผูกพันกับคนง่ายแต่ไม่นาน...> >พลังจิตที่มีอยู่ในตัวคุณช่วยเสริมให้คุณเป็นคนที่ช่างผูกพันกับผู้คนได้ง่ายเสียเหลือเกิน > >แค่รู้จักพูดคุย > >คลุกคลีใกล้ชิดแม้เวลาจะไม่นานนักคุณก้อจะรู้สึกคุ้นเคยผูกพันกับคนๆนั้น> >อยากเป็นเพื่อนที่สนิมมากกว่านี้รู้สึกดีงามกับเขา > >ทั้งๆที่เขาอาจรู้สึกเฉยๆกับคุณแต่ความผูกพันที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้กลับไม่อยู่นานนักคุณก้อลืมความผูกพันนั้นไปซึ่งไม่ใช่นิสัยที่ไม่ดีแต่อย่างใดเพราะเท่ากับว่ามันช่วยทำให้คุณไม่ต้องรู้สึกผูกพันกับคนที่ไม่จริงใจกับคุณ> >> >> >

กลุ่ม B> >พลังจิตดึงดูดให้คนผูกพันกับคุณ > >พลังจิตที่มีอยู่ในตัวคุณช่วยดึงดูดคนให้เกิดความผูกพันกับคุณจนคุณรู้สึกแปลกใจอยู่บ่อยๆแม้ว่าคุณจะรู้จักกับคนนั้นๆไม่นานเขาก้อจะแสดงให้เห็นถึงความผูกพันที่มีต่อคุณโดยคุณอาจจะยังไม่รู้สึกผูกพันอะไรมากนัก > >รวมไปถึงเพื่อนใกล้ตัวหรือคนรักที่เมื่อคบกันเขาก้อจะมีความผูกพันกับคุณซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของคุณเลยทีเดียวที่ใครๆก้อมอบความรู้สึกดีๆที่เรียกว่า > >"ความผูกพัน" นั้นให้คุณ> >> >> >

กลุ่ม C> >พลังจิตทำให้คุณผูกพันกับคนนานพลังจิตที่มีอยู่ในตัวคุณช่วยเสริมให้เมื่อคุณผูกพันกับใครแล้วก็จะมีความผูกพันที่ยาวนาน > >ไม่ว่าจะเป็นความผูกพันของเพื่อนเช่นแม้จะเป็นเพื่อนเก่าที่จากกันแต่คุณก้อยังรู้สึกผูกพันจะติดต่อเพื่อสานความสัมพันธ์นั้นไว้ไม่ให้จางหาย > >หรือแม้จะเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี แต่คุณก้อรำลึกถึงเขาเสมอ > >หากคุณกลับมาเจอกันความผูกพันนั้นก้อไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม> >> >> >

กลุ่ม D> >พลังจิตทำให้คุณผูกพันกับคนยาก > >พลังจิตที่มีอยู่ในตัวคุณทำให้คุณไม่ค่อยจะรู้สึกผูกพันกับใครๆง่ายนักแต่ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ผูกพันกับใครเลยหากว่าระยะเวลาในการคบกันยาวนานและได้ทำกิจกรรมหลายอย่างและมีประสบการณ์ร่วมกันคุณก้อจะผูกพันกับเขาได้ > >และคุณก้อเลือกที่จะผูกพันมากเฉพาะกับบางคนเช่นถ้าเพื่อนในกลุ่มมี 6 คน > >คุณอาจจะสนิทกับทุกคนก้อจริงแต่คุณจะผูกพันเป็นพิเศษกับเพื่อนบางคนเท่านั้น > >ใครที่คุณผูกพันด้วยจึงถือว่าโชคดีเหลือเกิน........

Tuesday, December 18, 2007

ความแตกต่างระหว่างน้ำกับน้ำโค้ก


Water & Coke น้ำ กับ โค้ก ถ้าท่านรู้เรื่องนี้ ท่านจะดื่มน้ำมากขึ้น เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย 75% มีงานวิจัยพบว่าในคน 100 คน ที่ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้คน 80 คนลดอาการปวดหลังปวดข้อลงได้ ดื่มน้ำวันละ 5 แก้วลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ถึง 45 % มะเร็งเต้านมได้ 79% และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50% ทีนี้มาลองรู้จักน้ำ "โค้ก" กันหน่อย แน่นอนโค้กรสชาดยอดเยี่ยม แต่ตำรวจทางหลวงจะบรรทุกโค้ก 2 แกลลอนในช่องท้ายรถเพื่อเวลามีรถชนกันสามารถเอา 'น้ำโค้ก' ล้างเลือดบนถนนได้เกลี้ยงเกลา ุ ถ้าเอา T-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำโค้กเต็ม จะพบว่าจะถูกละลายไปหมดใน2 วัน ุ รินโค้ก 1 กระป๋องลงในโถส้วมทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วชักโครกกรดซิตริกในโค้กจะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมี่ยมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำด้วย foil ชุบโค้ก ขัดสนิมจะออกหมด ุ ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรดเกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำโค้ก ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด ถ้าจุดขวดติดแน่น งัดไม่ออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที จะบิดจุดขวดออกได้โดยง่าย ุ ถ้าจะปิ้ง moist ham ให้เทโค้ก 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ ห่อแฮมด้วยอะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที ุ ก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก ปล่อยให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำโค้กในกระทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำโค้ก 1 กระป๋อง ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซัก ุ ปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ โค้กจะช่วยกำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด ุ ท่านสามารถผสมโค้ก ลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริคแอซิดในโค้ก จะช่วยทำความสะอาดกระจกได้ดี ุ น้ำโค้กมี pH 2.8 ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด ุ เวลาขนย้ายน้ำโค้กเข้มข้นเพื่อส่งตามโรงงานทั่วโลก ที่รถ truck จะต้องติดป้ายไว้ว่า "มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็นอันตราย" ุ บริษัทขายน้ำโค้ก ใช้น้ำโค้กทำความสะอาดเครื่องยนต์ของรถ truck มานานประมาณ 20 ปีแล้ว ท่านยังอยากดื่ม โค้ก หรือดื่มน้ำกัน เลือกเอาเอง แปลโดย ศ.กิตติคุณ นพ.เสก อักษรานุเคราะห์ หน่วยงาน : ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู วันที่ลงบทความ 21 เม.ย.45 ช่วยกัน FWD บทความนี้ต่อให้คนที่คุณรักและห่วงใยด้วย

Wednesday, November 28, 2007

สุดยอดรถ

“บูกัตติ เวย์รอน” (Bugatti Veyron) ซูเปอร์คาร์ที่เมื่อปีที่ผ่านมาได้ชื่อว่า เป็นสปอร์ตโปรดักชั่นคาร์ที่เร็วที่สุด แรงที่สุด และแพงที่สุดในโลก!!
ด้วยสถิติความเร็ว 20 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 420.25 กิโลเมตร/ชั่วโมง รีดกำลังออกมาได้ 1,001 แรงม้า และมีราคาสูงถึง 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เพียงแต่มาเมื่อไม่นานเพิ่งถูกคู่แข่ง “ลัมโบกินี เรเวนตัน” เบียดแซงไปในเรื่องของเฉพาะราคาแล้ว ที่ระดับ 1 ล้านยูโร อย่างไรก็ตามสำหรับเมืองไทย การที่บูกัตติ เวย์รอน ได้มาเผยโฉมและเปิดให้เศรษฐีโคตะระกระเป๋าหนักได้จับจองเป็นเจ้าของ ถือเป็นสิ่งที่ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ในเมืองไทย จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ยกให้เป็นสุดยอดของรถที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยขณะนี้

บูกัตติ เวย์รอน ที่ค่ายเอส.อี.ซี.กรุ๊ปนำมาเผยโฉมครั้งแรก และเปิดให้ผู้สนใจจับจองเป็นเจ้าของในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2007 นี้ เคาะราคาออกมาสำหรับจำหน่ายในเมืองไทย ตกอยู่ที่คันละ 165 ล้านบาท!!! นับเป็นรถยนต์แพงที่สุดในเมืองไทย เพราะเมื่อหลายปีก่อนคนไทยได้มีโอกาสสัมผัสสุดยอดรถหรู “มายบัค” ราคาสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาทนิดๆ ซึ่งขณะนั้นถือว่าสูงสุดในเมืองไทยแล้ว แต่เมื่อมาเจอราคาของเจ้า บูกัตติ เวย์รอน ย่อมถูกเขี่ยตกบัลลังก์รถที่แพงที่สุดไป


ภายในห้องโดยสารที่โอ่โถง และมีการตัดเย็บอย่างประณีตชนิดที่หายากมากในกลุ่มของผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ ขณะที่เครื่องยนต์แบบ ดับเบิลยู16 สูบ ขนาด 8,000 ซีซี และใช้เทอร์โบถึง 4 ตัวในการรีดกำลังออกมาได้ 1,001 แรงม้า (หรือ 987 แรงม้าสำหรับสเปกอเมริกา) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 127.3 กก.-ม. ที่ 2,200-5,500 รอบ/นาที สู่การขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อด้วยเกียร์แบบดีเอสจี เป็นเกียร์ธรรมดาแบบใช้คลัตช์ไฟฟ้า 7 จังหวะรุ่นใหม่ที่พัฒนามาเพื่อบูกัตตี้โดยเฉพาะ
ไม่ใช่แค่ตัวเลขแรงม้าและแรงบิดเท่านั้นที่น่าทึ่ง สมรรถนะที่ได้จากซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ไม่ธรรมดา จาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 2.5 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 402.25 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่นั่นก็ยังไม่น่าทึ่งเท่ากับยางรุ่นพิเศษ ที่ผลิตมาเพื่อเวย์รอนโดยเฉพาะ สำหรับรองรับกับสมรรถนะที่เกิน 400 กิโลเมตร และมีเทคโนโลยี Pax System ติดมาให้ด้วย (ยังสามารถแล่นได้แม้ยางแบน) ด้านหน้ามีขนาด 245/690R520 และด้านหลังขนาด 335/710R540 ซึ่งปกติแล้วยางที่มีอยู่ในตลาดระดับความเร็วสูงสุดที่รองรับได้ไม่เกิน 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระบบช่วงล่างเป็นแบบปีกนก 2 ชั้น และใช้ระบบควบคุมการทำงานด้วยอิเล็กทรอนิกส์ โดยเมื่อความเร็วสูงกว่า 135 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 217 กิโลเมตร/ชั่วโมง (หรือว่าผู้ขับขี่กดปุ่มเลือกเองผ่านทางแผงคอนโซลกลาง) ความสูงจะลดลงโดยด้านหน้าจะมีพื้นที่ว่างใต้ท้องรถ 3.14 นิ้ว และด้านหลัง 3.7 นิ้ว เพื่อเพิ่มการทรงตัว โดยที่สปอยเลอร์หลังจะปรับระดับมุมองศาเองโดยอัตโนมัติระหว่าง 6-26 องศาเพื่อสร้างแรงกดที่ด้านท้ายในการทำให้ตัวรถนิ่งเมื่ออยู่ในช่วงความเร็วสูง




Friday, November 23, 2007

เรื่องเล่าบนธนบัตรใบละ ๒๐ บาท

เรื่องเล่าบนธนบัตรใบละ ๒๐ บาท(คัดมาอีกที)

ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยให้ความสนใจ รายละเอียดบนธนบัตรเลย อย่างมากก็แค่ดูว่าเป็นของจริงหรือเปล่า หรือใครเป็นผู้ว่าธนาคารที่ลงชื่อด้านหลังเท่านั้นเองแต่มาวันหนึ่ง ได้อ่านหนังสือเรื่อง "ก่อนเสด็จลับเลือนหาย" ของ มรว. กิติวัฒนา (ไชยยันต์) ปกมนตรี ถึงได้มาถึงบางอ้อ และความรู้สึกเรียกร้องให้ถ่ายทอดเรื่องราวนั้นไปสู่ชาวไทยทุกคนให้จงได้
ในภาพ เป็นภาพเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนพสกนิกร ของพระมหากษัตริย์ผู้มีคุณูปการต่อประเทศไทยอย่างหาที่สุดมิได้ ๒ พระองค์ คือรัชกาลที่ ๘ และ รัชกาลที่ ๙ (ขณะนั้น ดำรงพระยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ) เรื่องราวมีอยู่ว่า ประเทศไทยเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ นั้น ได้เกิดความบาดหมางระหว่างชาวจีนที่อาศัยในแถบสำเพ็ง กับชาวไทยโดยทั่วไป เพราะขณะนั้นประเทศจีนได้กลายเป็นประเทศมหาอำนาจ เป็นผลให้ชาวจีนบางหมู่เหล่าเกิดความรู้สึกฮึกเหิมและได้รวมตัวเพื่อเรียกร้องสิทธิบางประการจากรัฐบาล จนนำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างชนชาติด้วยเหตุดังนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล จึงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนชาวจีนในแถบสำเพ็ง พร้อมด้วยสมเด็จพระอนุชาธิราช ในวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๔๘๙ การเสร็จในครั้งนั้น ยังความปลื้มปีติแก่พสกนิกรชาวจีนเป็นอย่างยิ่ง และด้วยพระบารมีปกเกล้า ความขัดแย้งในครั้งนั้นจึงได้ยุติลงและนั่นอาจนับได้ว่า เป็นพระกรณียกิจที่สำคัญยิ่งในรัชสมัยของพระองค์ ก่อนที่จะทรงสวรรคตในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ เพียง ๔ สัปดาห์หลังการเสด็จครั้งนั้นดิฉันจึงใคร่ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยทุกท่าน ร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และโปรดน้อมนำพระราชดำรัสต่อไปนี้ไปปฏิบัติ ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทย คงความเป็นไท ตราบนานเท่านาน